Search

Nan, Thailand🌻

  • Share this:

🌻หนาวแล้วไป 'น่าน' กันเถอะ🌻
อากาศเริ่มเย็นลงแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนคงอยากหนีร้อนขึ้นเหนือ ไปนอนนับดาวบนดอย ตื่นเช้ามาเจอกับหมอกสวยๆ สูดอากาศเย็นๆ ใครเบื่อเชียงใหม่แล้ว เราจะมาเล่าเรื่องราวของจังหวัด 'น่าน' ให้อ่านกัน รับรองว่าทุกคนจะต้องหลงรัก 'น่าน' แบบเรา🌾
- เราเดินทางไปน่านด้วยรถบัสของสมบัติทัวร์ เลือกไปลงที่อำเภอปัว ออกเดินทางประมาณ 2ทุ่ม ไปถึงเช้ามืดพอดี นอนหลับไปยาวๆ
- หลังจากไปถึงปัวเราเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อจะขี่ขึ้นไปที่ดอยภูคา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ไปเช้าๆ หนาวมากกกก โปรดเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม!
- คืนแรกเรานอนที่อุทธยานแห่งชาติดอยภูคา ตอนกลางวันเราเลือกที่จะขี่รถเล่นเส้นทางจากดอยภูคาไปบ่อเกลือ เจอตรงไหนสวยก็หยุดแวะ แต่ไม่มีรูปในบ่อเกลือมาเลย เพราะเราไม่อินกับสถานที่ท่องเที่ยวแนวนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะหมดเวลาไปกับวิวข้างทางมากกว่า
- เรื่องสนุกในวันแรกของเราคือช่วงที่เรากำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่อุทธยาน ระหว่างทางฝนตกลงมาปรอยๆ เราเลือกที่จะใส่เสื้อกันฝนและไม่จอดข้างทาง เพราะคิดว่าอีกไม่ไกลก็ถึงอุทธยานแล้ว แต่เหมือนพระเจ้าอยากจะสอนให้เรารู้ว่าอย่าประมาท เพราะฝนเทลงมาอย่างหนัก เราต้องรีบจอดรถในจุดที่ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ให้หลบ เรายืนเบียดกันใต้ต้นไม้เล็กๆ มองรองเท้าผ้าใบตัวเองค่อยๆเปียกอย่างอนาถใจ ตอนนั้นอยากร้องไห้มาก พกรองเท้ามาคู่เดียว แล้วก็หนาวมากด้วย แต่พอมานั่งนึกถึงเรื่องวันนั้นในตอนที่มันผ่านมาแล้ว มันก็ตลกดีอ่ะ โชคดีที่ไปเจอร้านข้างทางแถวนั้นมีรองเท้าขาย เป็นทรงผ้าใบที่ทำจากยาง คู่ละ 70บาท พอได้ใส่แก้ขัดไปก่อน
- ส่วนถ้าถามว่าวันแรกประทับใจอะไรที่สุด คงจะเป็นดาวเป็นล้านๆดวงที่เห็นบนดอยภูคา อากาศหนาวมาก แต่เราเลือกที่จะนอนตากน้ำค้างเพื่อดูดาว เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้เห็นดาวเยอะๆแบบนี้ได้ที่ไหนอีก เอ้อ! เราเห็น UFO ด้วยแหละ อ่านถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าเราบ้า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเป็นคนที่เชื่อใน UFO เหมือนกันน่าจะเข้าใจเรา ถ้าไม่เชื่อก็ปล่อยผ่านไปละกันนะ
- เช้าวันที่ 2 เราแพ็คของแล้วออกจากอุทธยาน เพื่อไปพักที่บ่อเกลือ (ที่พักเรารีวิวไปแล้วในโพสต์ก่อนหน้านี้นะ เลื่อนหาได้ ถูกและบรรยากาศดี)
- เนื่องจากเราเที่ยวบ่อเกลือไปแล้ว เราเลยจะไปที่น้ำตกสะปันกันแทน แต่ด้วยความเด๋อ เราขี่รถเลยทางเข้าน้ำตก แบบเลยไปไกลเป็น10ๆ กิโล ไปรู้ตัวตอนที่เอะใจว่าทำไมมันไกลกว่าที่คิด เลยถามชาวบ้านแถวนั้น ได้ความว่าเลยมาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่เอาจริงๆมันคือโชคดีของเรานะ เพราะเราได้เจอวิวที่สวยมากๆ ขอบคุณความเด๋อในวันนั้นจริงๆ
- หลังจากเจอน้ำตกที่มีแค่เรา เหงามากๆ และน้ำเย็นเกินกว่าจะลงเล่นน้ำได้ เราเลยใช้เวลาที่น้ำตกแค่แปปเดียว แล้วก็ไปขี่รถเล่นต่อ ได้เจอวิวสวยๆ เจอน้องหมาเฟรนลี่ เป็นอีกวันที่ทำให้รักน่านมากกว่าเดิม
- วันที่ 3 เราแพ็คกระเป๋ากันอีกครั้ง ก่อนออกเดินทางเราแวะไปไปรษณีย์ เพื่อส่งเสื้อผ้าที่ใช้แล้วกลับมาบ้าน ไม่ใช่อะไร เราขี้เกียจแบก555 ความขี้เกียจของเราในวันนั้น ทำให้เราได้เจอกับพนักงานไปรษณีย์ ที่บอกเราว่ามันมีทางอื่นที่เราจะกลับไปอำเภอปัวได้ โดยไม่ต้องผ่านทางเดิม
- อาจจะฟังดูโง่ไปหน่อยแต่เราเลือกที่จะไปทางใหม่ ที่ไกลกว่าทางเดิมเกิน 1 เท่าตัว เพื่อที่จะได้เจอวิวใหม่ๆ บ้าง ทางที่เราเสริจไม่เจอใน Google map (มันคงคิดว่าก็ขึ้นทางที่ไวที่สุด สะดวกที่สุดให้แล้ว จะเอาอะไรอีก) จากระยะเวลาที่ควรจะเป็น 45 นาที วันนั้นเราใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ ตลกตัวเองมาก ก้นนี่ชาไปหมด
- เรื่องที่ชอบที่สุดของวันนั้นคือตอนที่เราไปได้ครึ่งทางแล้วหิวข้าวมาก ดีที่รอบครอบ ซื้อข้าวร้านเด็ดในบ่อเกลือใส่กล่องมาด้วย เราเลยจอดแวะกันข้างทาง เจอสนามหญ้าเล็กๆ เลยนั่งกินมันตรงนั้นแหละ ในตอนนั้นเองทีแฟนเราพูดขึ้นมาว่า เค้าโชคดีที่ได้คบกับเรา ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงไม่ยอมมาทำอะไรแบบนี้กับนางแน่ๆ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราชอบช่วงเวลานั้นมากๆ ก็ได้
- วันสุดท้าย ก่อนกลับ เรามีเวลาเที่ยวพอสมควร เพราะเราจองรถไว้รอบ 1 ทุ่ม วันนี้เราเลยได้ไปเที่ยวอ่างศิลา โคตรไพรเวท ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเรา นี่แหละข้อดีของการเที่ยววันธรรมดา
- เรานอนเอื่อยๆ เปิดเพลงนอนฟังคลอไปกับเสียงน้ำไหล เวลาผ่านไปจนถึงตอนที่ต้องบอกลาน่าน เรากลับมาแพ็คกระเป๋าครั้งสุดท้าย เอามอเตอร์ไซค์ไปคืน พี่คนให้เช่าใจดีมาก ขี่รถไปส่งที่ บขส ด้วยนะ
- ช่วงเวลาที่เหงาที่สุดของเราคือตอนที่นั่งรอรถที่ บขส พระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี อากาศเย็นๆ ที่นั่งว่างๆ และเราที่กำลังจะต้องเดินทางกลับมาสู่อากาศเกือบ 40 องศาของ กทม
แล้วเจอกันใหม่นะ 'น่าน'🌻


Tags:

About author
not provided
I am a story teller.
View all posts